วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Social Network

Social Networking คืออะไร
Social Network หรือเรียกว่า เครือข่ายสังคม เครือข่ายมิตรภาพ” “กลุ่มสังคมออนไลน์ คือ บริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์ค Internet รวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ เช่น เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มย่อย เช่น กลุ่มคนขี่จักรยานเสือภูเขา โดยคนที่ลงทะเบียนสมัครจะกรอกข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ อัลบั้มรูป โดยเชื่อมเครือข่ายสังคมและเครือข่ายมิตรภาพเข้าด้วยกัน ด้วยการแชร์รูป แชร์ไฟล์  ซึ่งเราจะเรียกเว็บไซต์เหล่านี้ว่า SNS (Social Network Sites)
ความเป็นมาของ Social Network
จุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ Classmates.com เมื่อปี 1995 และเว็บไซต์ SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลการสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนนักเรียนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com ที่พัฒนาโดย Jonathan Bishop ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในรายชื่อเท่านั้น
องค์ประกอบของ Social Network ประกอบด้วย
1.Communicate (การสื่อสาร)
2.Definition (คำจำกัดความ)
3.Networking (เครือข่าย)
4.Sharing (แบ่งปัน)
       ประเภทของ Social Network

1. Identity Network   เผยแพร่ตัวตน  เช่น facebook  hi5  myspace.com
    ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ทสามารถสร้างเขียน blog สร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อน และสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้
2. Creative Network  เผยแพร่ผลงาน เช่น YouTube  multiply  flickr
    สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง
                   3. Interested Network    ความสนใจตรงกัน  เช่น
                       • Zickr ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยคนไทย เป็นเว็บ  ลักษณะเดียวกับ Digg แต่เป็นภาษาไทย
                       • Digg  นั้นคล้ายกับ del.icio.us แต่จะมีให้ลงคะแนนแต่ละเว็บไซด์ที่ถูกยกมานำเสนอ  และมี
                         การComment ในแต่ละเรื่อง
                       • del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยเป็นการ 
                         Bookmark เว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ตสามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยังสามารถบอก
                         ความนิยมของเว็บไซด์ต่างๆได้ โดยการดูจากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้
                         จากสมาชิกคนอื่นๆ
4. Collaboration Network   ร่วมกันทำงาน
     คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่างๆของซอฟต์แวร์ ตัวอย่างเช่น
     •WikiPedia เป็นสารานุกรมต่อยอด ที่อนุญาตให้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆได้ 
      ทำให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้
      มากมาย
     •ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Mapsสร้างแผนที่ของตัวเองหรือแชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ จึงทำให้
      มีสถานที่สำคัญหรือสถานที่ต่างๆถูกปักหมุดเอาไว้พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผล
      จากการค้นหาได้อีกด้วย 
5. Gaming/Virtual Reality  โลกเสมือน เช่น Second.LIFE  WORLD WARCRAFT
                                                  สองตัวอย่างของโลกเสมือนนี้ มันก็คือเกมส์ออนไลน์นั่นเอง SecondLife เป็นโลกเสมือนจริง สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราเองขึ้นมาได้ ใช้ชีวิตอยู่ในเกมส์ อยู่ในชุมชนเสมือน (Virtual Community) สามารถซื้อขายที่ดิน และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้
                   6. Peer to Peer (P2P) เช่น  Skype  BitTorrent
               P2P เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง Client (เครื่องผู้ใช้, เครื่องลูกข่าย) กับ Client โดยตรง โปรแกรม Skype จึงได้นำหลักการนี้มาใช้เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต และก็มี BitTorrent เกิดขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว แต่ทว่ามันก็ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์
10 อันดับ Social Network ที่ได้รับความนิยม
1. MySpace.com  
2. FaceBook.com  
3. Orkut.com   
4. Hi5.com
          5. Vkontakte.ru    
6. Friendster.com   
7. SkyRock.com                
          8. PerfSpot.com   
9. Bebo.com         
10. Studivz.net
                    การจัดอันดับการเข้าชมเว็บไซต์ในหลายประเทศ พบว่า อันดับ 1-10 ของแต่ละประเทศ ต้องมีเว็บที่ให้บริการรูปแบบ Social Network นั้นติดอยู่อย่างน้อยหนึ่งเว็บไซต์แตกต่างกันไป อย่างเช่น ประเทศไทยนิยมที่สุดในตอนนี้คือ Hi5 ซึ่งสถิติการใช้งานเป็นอันดับ รองจาก Google เลยทีเดียว 
       ประโยชน์ของ Social Network
                             Web 2.0 เป็นคำที่ถูกคิดขึ้นมาอธิบายลักษณะของเทคโนโลยีwww และการออกแบบเว็บไซต์ในปัจจุบัน ที่มีลักษณะเด่นต่างจาก Web 1.0 คือการพัฒนาให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อมูล โต้ตอบซึ่งกันและกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มีการแบ่งปันข้อมูลที่ง่ายขึ้น และยังสามารถปรับปรุงข้อมูลต่างๆได้โดยผู้ใช้งานเองอีกด้วย เช่น
                                  O Hi5 เราสามารถหาเพื่อนได้ทั่วโลก หรือว่าจะหาเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม โดยการเข้ากลุ่มโรงเรียนเก่าและโพสต์ข้อความลงยังบอร์ดของกลุ่ม
                    O สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์วิดีโอของตัวเอง ให้คนอื่นเข้ามาชมและแสดงความคิดเห็นได้ ดังเช่น ในเว็บ youtube.com
                 การนำ Social Network Service มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในตลาดธุรกิจและองค์กร จากการที่เทคโนโลยี Web 2.0 ได้เกิดขึ้น และ Social Network Service กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทางด้านธุรกิจและองค์กรเองก็มีการปรับใช้สิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์เช่นกัน บริษัทต่างๆเริ่มหันมาใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากจัดการใช้งาน และอัพเดทให้ทันสมัยได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะ Blog ส่วนใหญ่จะสำรวจและแยกประเภทความสนใจของสมาชิกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านข้อความแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น Web Blog ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง http://ameblo.jp/ ที่มีหลายบริษัททำการลงโฆษณา และใช้ Blog ของเว็บนี้ประชาสัมพันธ์
                ซึ่งประเทศไทยเริ่มจะมีการใช้สื่อนี้ในการโฆษณามากขึ้นและนอกจาก Social Network จะเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนข้อมูล รูปภาพ วีดิโอแล้ว ยังพัฒนามาเป็นที่แนะนำสินค้า สถานที่ และบริการต่างๆ หรือที่รู้จักกันใน Collaborative Shopping Communities อีกด้วย ซึ่งสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับกระแสที่มาแรง แฟชั่น ร้านค้าที่นิยม นี่ก็เป็นโอกาสสำหรับนักการตลาดที่สามารถรู้ถึงความสนใจ ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้นั่นเอง
         ข้อดี-ข้อเสียของ Social Network
            เมื่อ Social Network Service ได้รับความนิยมอย่างมากมากในโลกออนไลน์ แต่เมื่อมีด้านดี ก็ย่อมมีด้านเสียอยู่เหมือนกัน เนื่องจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเริ่มมีอิทธิพลมาก การพิจารณาอย่างมีสติ และรอบคอบในการใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ข้อดีของ Social Network
ī สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
īเป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมและเป็นตัวกลางในการเสนอและแสดงความคิดเห็น เพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
ī ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
ī เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
ī ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
ī ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
ī มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่า หรือเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
ข้อเสียของ Social Network
! เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
! Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง ย่อมมีบุคคลที่ไม่หวังดีแฝงตัวอยู่ ดังนั้นหากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
! เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
                    ! ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยาก
                   แก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก 
                   หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้

บรรณานุกรม
http://jack.in.th/blog/113


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น