วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พีดีเอกับร้านก๋วยเตี๋ยว

1.ประโยชน์ที่จะได้จากการนำพีดีเอ มาใช้ในธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวมีอะไรบ้าง
                   1.ลดความผิดพลาดในการรับเมนูอาหารจากลูกค้าได้
           2.มีรายการอาหาร ข้อมูล และราคาอยู่ในเครื่องพีดีเอ พนักงานสามารถตอบคำเกี่ยวกับอาหารและราคาอาหารแก่ลูกค้าได้ในทันทีเพื่อการตัดสินใจในการสั่งปริมาณอาหารของลูกค้า ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการรับรายการอาหาร และการคิดราคาอาหารได้
             3.สามารถส่งข้อมูลรายการอาหารและหมายเลขโต๊ะตามลำดับก่อนหลังของลูกค้าภายในร้านได้อย่างเป็นระบบ เกิดความยุติธรรมในการรอคอย
                4เป็นการเพิ่มระดับการบริการของร้านให้มีความแตกต่าง และมีประสิทธิภาพมากกว่าร้านอื่นๆ ซึ่งสามารถชักจูงให้มีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น
                5.สามารถบันทึกและเรียกข้อมูลการบริการและรายการอาหารต่างๆ ที่จำหน่ายได้ในแต่ละวัน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการได้ เช่น การสั่งซื้อวัตถุดิบ  การดูและสรุปยอดขายอาหาร เป็นต้น

2.ท่านคิดว่ามีข้อจำกัดหรือปัญหาอะไรบ้างในการนำเทคโนโลยีพีดีเอมาใช้ในธุรกิจนี้
                1.ต้องใช้เงินลงทุนและมีค่าใช้จ่ายประจำที่สูงขึ้น เพื่อการจัดหาและวางแผนบริหารจัดการระบบและการบำรุงรักษาเทคโนโลยีพีดีเอ ซึ่งไม่เหมาะสมกับร้านที่มีขนาดเล็ก
                2.ความรู้และความเข้าใจของพนักงานในการปฏิบัติงานกับระบบเทคโนโลยีพีดีเอ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน
                3.ต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น มีไฟฟ้าดับ หรือระบบรับส่งข้อมูลขัดข้องกะทันหัน
                4.อาจสูญเสียลูกค้าบางกลุ่มไปเนื่องจากคิดว่าราคาค่าอาหารน่าจะมีราคาแพงกว่าปกติเกิดความจำเป็น
3. ธุรกิจใดบ้างที่สามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ จงอธิบาย
                ต้องเป็นธุรกิจหรือร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีงบในการลงทุนสูง มีจำนวนผู้ใช้บริการมาก ซึ่งจำเป็นต้องให้บริการได้รวดเร็ว ถูกต้อง มีความผิดพลาดน้อยที่สุด เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยีพีดีเอมาใช้ได้อย่างคุ้มค่ากับการลงทุน  เช่น ร้านอาหารฟาสฟู้ด  ร้านหมูกระทะ  ร้านอาหารทะเล ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง   เป็นต้น

ประเภทภาษาคอมพิวเตอร์และตัวอย่างภาษา

3. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
1.ภาษาเครื่อง (Machine Language)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาเดียวที่สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง ภาษาเครื่องจะเป็นชุดคำสั่งที่ใช้ในการสั่งงานหรือติดต่อกับเครื่องโดยตรงลักษณะสำคัญของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยรหัสของเลขฐานสองที่ใช้เลข 1 และ 0 เป็นสัญลักษณ์ไฟฟ้าปิดและเปิดตามลำดับ ซึ่งเทียบได้กับลักษณะของสัญญาณ ทางไฟฟ้าเข้ากับหลักการทำงานของเครื่องซึ่งเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่ จะทำงานตามคำสั่งได้ทันทีภาษาเครื่องจะมีกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ค่อนข้างจำกัด โปรแกรมมีลักษณะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน รหัสโครงสร้างของแต่ละคำสั่งของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ
ก. รหัสบอกประเภทของคำสั่ง (Operation Code หรือ Op-Code) เป็นส่วนที่บอกคำสั่งให้เครื่องทำการประมวลผล เช่นให้ทำการบวก ลบ คูณ หาร หรือเปรียบเทียบ
ข. รหัสบอกตำแหน่งข้อมูล (Operand) เป็นส่วนที่บอกว่าข้อมูลที่จะนำมาประมวลผลนั้นเก็บอยู่ในตำแหน่ง(Address)ใดของหน่วยความจำลักษณะของโปรแกรมจะประกอบด้วยกลุ่มของรหัสคำสั่ง ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานสองเรียงต่อกัน ซึ่งผู้เขียนโปรแกรมจะต้องทราบถึงเทคนิคการใช้รหัสคำสั่งและจะต้องจำตำแหน่งของคำสั่งของข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ เพราะเนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละบริษัทจะใช้ภาษาเครื่องของตนเอง และผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดี ดังนั้นการเขียนโปรแกรมเป็นภาษาเครื่องจึงมีผู้เขียนอยู่ในวงจำกัด เพราะต้องมีความรู้ทางด้านเครื่องและรหัสของเครื่องด้วยจึงจะเขียนโปรแกรมได้ ภาษาเครื่องของคอมพิวเตอร์แต่ละระบบจะแตกต่างกัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบใหม่ก็จะต้องเขียนโปรแกรมใหม่
ข้อดีของภาษาเครื่อง
1.เมื่อคำสั่งเข้าสู่เครื่องจะสามารถทำงานได้ทันที
2.สามารถสร้างคำสั่งใหม่ๆได้โดยที่ภาษาอื่นทำไม่ได้
3.ต้องการหน่วยความจำเพียงเล็กน้อย
ข้อเสียของภาษาเครื่อง
1.ต้องเขียนโปรแกรมคำสั่งยาวทำให้ผิดพลาดได้ง่าย
2.ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องรู้ระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดีจึงสามารถเขียนโปรแกรมได้ และถ้าเครื่องที่มีฮาร์ดแวร์ต่างกัน จะใช้โปรแกรมร่วมกันได้
2.ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Language)
จัดเป็นภาษาสัญลักษณ์(Symbolic Language)เป็นภาษาที่พัฒนามาจากภาษาเครื่องซึ่งเขียนโปรแกรมยาก ภาษาแอสแซมบลีจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้สัญลักษณ์ข้อความแทนกลุ่มของเลขฐานสอง                1 และ 0 ซึ่งใช้ตัวย่อที่มีความหมาย เรียกว่า นีมอนิก ในคำสั่งทำให้การเขียนโปรแกรมสะดวกขึ้นแต่ผู้เขียนโปรแกรมยังคงต้องจำความหมายสัญลักษณ์ที่ใช้แทนคำสั่งต่าง ๆ การเขียนโปรแกรมภาษาแอสแซมบลี มีลักษณะที่ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องเราไม่สามารถนำโปรแกรมภาษาแอสแซมบลีไปใช้กับเครื่องต่างชนิดกันได้ ดังนั้น ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดี การเขียนโปรแกรมด้วยภาษานี้ วิธีการก็คล้ายกับการเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องแต่อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์จะรู้จักแต่เฉพาะภาษาเครื่องเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องมีการแปลภาษาแอสแซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อนเครื่องจึงจะสามารถทำงานตามโปรแกรมคำสั่งได้โปรแกรมที่ทำหน้าที่แปลภาษานี้เรียกว่าแอสแซมเบลอร์(Assembler)
ข้อดี ของภาษาแอสแซมบลี
-การเขียนโปรแกรมเขียนง่ายกว่าภาษาเครื่อง
ข้อเสีย ของภาษาแอสแซมบลี
- ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมมีลักษณะคล้ายภาษาเครื่องทำให้โปรแกรมคำสั่งต้องเขียนยาวเช่นเดิม
3.ภาษาระดับสูง (High Level Language)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนา  ภาษายุคที่สาม ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากภาษาเครื่องและภาษาแอสแซมบลีเพื่อง่ายต่อการเรียนรู้ และใช้งานเรียกว่าภาษา โพรซีเยอร์ เพื่อให้สามารถใช้ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การเขียนภาษาไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์หรือลักษณะการทำงานภายในของเครื่อง ผู้เขียนโปรแกรมไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบการทำงานภายในเครื่องมากนัก เพียงแต่เข้าใจกฎเกณฑ์ในการเขียนแต่ละภาษาให้ดี ซึ่งลักษณะคำสั่งจะคล้ายกับภาษาอังกฤษ เช่น * แทนการคูณ, + แทนการบวก เป็นต้น  ดังนั้นภาษาระดับสูงจึงเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตามภาษาระดับสูงเครื่องจะยังไม่เข้าใจ จึงต้องมีการแปลให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อน โปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อินเทอพรีทเตอร์ (Interpreter) และคอมไพเลอร์ (Compiler)




1.อินเทอพรีทเตอร์(Interpreter)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง การแปลจะแปลที
และคำสั่งและทำงานตามคำสั่งทันที แล้วจึงไปอ่านคำสั่งต่อไป ในกรณีที่โปรแกรมมีลักษณะการทำงานแบบวนซ้ำ (Loop) อินเทอพรีทเตอร์จะต้องแปลคำสั่งนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงทำให้การแปลแบบอินเทอพรีทเตอร์ทำงานซ้ำ อินเทคพรีทเตอร์จะไม่สร้างออฟเจ๊ทโปรแกรม (Object Program) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่แปลเป็นภาษาเครื่องเก็บไว้ ฉะนั้นทุกครั้งที่สั่งให้โปรแกรมทำงานอินเทอพรีทเตอร์ก็จะเริ่มแปลใหม่ทุกครั้ง เครื่องจะเริ่มทำงานทันทีเมื่ออินเทอพรีทเตอร์แปลคำสั่งเสร็จและจะหยุดทำงานเมื่อดินเทอพรีทเตอร์พบข้อผิดพลาดในคำสั่งที่แปล และจะรายงานความผิดพลาดทันที ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องแก้ไขโปรแกรมคำสั่งให้ถูกแล้วสั่งให้โปรแกรมเริ่มทำงานใหม่ อินเทอพรีทเตอร์ก็จะเริ่มแปลคำสั่งนั้นใหม่ภาษาที่ใช้อินเทคพรีทเตอร์แปลเช่นภาษาBASICAและGWBASIC เป็นต้น
2.คอมไพเลอร์(Compiler)
เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องคอมไฟเลอร์จะทำการ
แปลทั้งโปรแกรม แล้วเก็บโปรแกรมที่แปลได้ในรูปของภาษาเครื่องเก็บไว้ในลักษณะของออฟเจ็ท โปรแกรม (Object Program) ถ้าโปรแกรมที่แปลไม่มีข้อผิดพลาดก็จะปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น ๆ ทันทีแต่ถ้าโปรแกรมมีข้อผิดพลาด คอมไพเลอร์ก็จะบอกข้อผิดพลาดทั้งหมดที่มีในโปรแกรมออกมาให้ทราบ  และจะยอมให้ออฟเจ็ทโปรแกรมทำงานต่อเมื่อโปรแกรมได้รับการแก้ไขจนไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว โปรแกรมที่ถูกแปลจะเก็บไว้เป็นออฟเจ็ทโปรแกรมในหน่วยความจำ จึงทำให้ต้องใช้เนื้อที่ในหน่วยความจำมากกว่าอินเทอพรีทเตอร์ เพราะต้องเก็บตัวโปรแกรมภาษา (Source Program)  ออฟเจ็ท โปรแกรม (Object Program) และคอมไฟเลอร์ (Program)
เมื่อแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว คอมไพเลอร์จะทำการแปลทั้งโปรแกรมใหม่เพื่อเก็บเป็นออฟเจ็ทโปรแกรมอีกครั้งหนึ่งในกรณีที่มีการทำงานแบบวนซ้ำ (Loop) เครื่องจะนำเอาออฟเจ็ทโปรแกรมที่แปลเก็บไว้ไปใช้ทำงาน โดยไม่ต้องมีการแปลซ้ำอีก ทำให้การทำงานเร็วกว่าการแปลแบบอินเทอพรีทเตอร์ ภาษาที่ใช้คอมไพเลอร์แปล ได้แก่ ภาษา C, COBOL, FORTRAN,PL/1, TURBO BASIC,PASCAL เป็นต้น

4.ยกตัวอย่างภาษา
ภาษาC กับ PIC
การเขียนโปรแกรมของไมโครคอนโทรลเลอร์ PIC นอกจากจะใช้ภาษาแอสเซมปลี(Assembly) แล้ว เรายังสามารถใช้ภาษาอื่นๆได้อีก เช่นภาษาเบสิก และ ภาษาซี เป็นต้น แต่ในบทความต่อจากนี้จะขอกล่าวถึงภาษาซีเท่านั้น
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาC มีข้อดีอยู่ เช่น 
C เป็นภาษาไม่ขึ้นกับฮาร์แวร์ 
C สามารถเขียนแบบโครงสร้าง 
C ง่ายต่อการ ศึกษา
 
C มีความสามารถใกล้เคียงแอสเซมบลี
 
C สามารถเขียนการทำงานที่ซับซ้อนได้
 
ในการเขียนโปรแกรมของไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูลอื่นสามารถเขียนด้วยหลักการใกล้เคียงกัน
โปรแกรมภาษา C
ภาษา C นั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ 1. ฟัง์ชัน 2.ตัวแปร 3.คำสั่งการทำงาน
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาC 
#include
 
voidmain
 
{
 
printf("HelloPIC");
 
}
โปรแกรมนี้จะแสดงคำว่า "Hello PIC"
คีย์เวิร์ด (keywords) หรือ คำสงวนในภาษา
คีย์เวิร์ด (keywords) หรือ คำสงวนในภาษาC เป็นคำที่สงวนไว้หามนำมาใช้สร้างเป็นชื่อฟังก์ชันชั้น หรือ ตัวแปร ถ้าใช้แล้วจะทำให้การผิดพลาดในการคอมไพล์เลอร์ คำสงวนมีดังนี้
การเขียนคอมเมนต์(comments)
บรรทัดใดมีการเขียนคอมเมนต์ บรรทัดนั้นจะไม่ถูกนำไปคอมไพล์เลอร์ คือจะผ่านบรรทัดนั้นไปเลย การเขียนคอมเมนต์ก็เพื่อที่จะอธิบายการทำงาน หรือ ต้องการบอกอะไรบางอย่างของโปรแกรมนั้นๆ ซึ่งการเขียนคอมเมนต์ทำได้คือ
1. ใช้เครื่องหมาย // นำหน้า เช่น // โปรแกรมแสดงการทำงานของนาฬิกา 
2. ใช้เครื่องหมาย /* */ ค่อมระหว่างอักษรที่ต้องการ เช่น /* โปรแกรมแสดงการทำงานของนาฬิกา */ ซึ่งการใช้เครื่องหมายแบบนี้สามารถใช้แบบหลายบรรทัดได้
ชนิดตัวแปร (Variable type)
ตัวแปรคือ ชื่อที่ผู้เขียนโปรแกรมกำหนดขึ้นเพื่อใช้งาน (หรือใช้ในการจองหน่วยความจำ) โดยก่อนที่จะกำหนดชื่อตัวแปรนั้น เราจะต้องกำหนดชนิดของข้อมูลตัวแรก่อน โดยชนิดของข้อมูลตัวแปรในภาษC เช่น 
int ตัวเลขจำนวนเต็ม 8 บิต 0 ถึง 255 
long ตัวเลข 16 บิต 0 ถึง 65,535 
float ตัวเลขทศนิยม 32 บิต 3.4x10e-38 ถึง 3.4 x10e38 
char ตัวอักขระ 8 บิต 
int16 ตัวเลข 16 บิต 0 ถึง 65,535 
int32 ตัวเลข 32 บิต 0 ถึง 4,294,967,298
ค่าคงที่ (Constants)
ค่าคงที่เป็นการประกาศครั้งเดียวแล้วสามารถเรียกค่านั้นมาใช้งานได้เลย ซึ่งเราจะใช้ ไดเร็กตีฟ #define ในการกำหนดค่าคงที่ เช่น
#define PI 3.142 คือ การประกาศว่าค่า PI มีค่าเท่ากับ 3.142 
#drfine TRUE 1 คือ การประกาศว่าค่า TRUE มีค่าเป็น1 
#drfine FALSE 0 คือ การประกาศว่าค่า FALSE มีค่าเป็น 0
การคำนวณทางคณิตศาสตร์
สัญลักษณ์การคำนวณทางคณิศาสตร์ในการเขียนโปรแกรมมีดังนี้
เงื่อนไขการทำงานและลอจิก
เงื่อนไขการทำงานกับตัวแปร มีสัญลักษณ์ต่างๆดังนี้
การกระทำทางบิต
การกระทำทางบิตจะใช้ในระบบดิจิตอลซึ่งจะมีสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้
การทำงานแบบมีเงื่อนไข
การทำงานแบบมีเงื่อนไขจะมีอยู่ 2 คำสั่งคือ if..else และ switch
if...else จะเป็นการตรวจสอบเงื่อนไข ถ้าเป็นจริงจะทำตามเงื่อนไข ถ้าเป็นเท็จจะทำตามเงื่อนไขหลัง else และเขียนโครงสร้างได้ดังนี้ 
if(condition) {
 
statements 1;
 
}
 
else {
 
statements2;
 
} if(เงื่อนไขการทำงาน) { // เงื่อนไขเป็นจริง
 
คำสั่งการทำงาน 1;
 
}
 
else { // เงื่อนไขเป็นเท็จ
 
คำสั่งการทำงาน 2;
 
} // จบการทำงาน
switch จะใช้ตรวจสอบค่ากับเงื่อนไข โดยค่าที่ตรวจสอบจะเป็นค่าเดี่ยวๆจะเป็นค่าอยู่ระหว่างไม่ได้ซึ่งสามารถเขียนโครงสร้างได้ดังนี้ 
switch(expression){
 
case condition 1:
 
statements1;
 
Beak;
 
case condition 2:
 
statements2;
 
Beak;
 
.
 
.
 
default
 
statements;
 
Break
 
}
 
switch (ตัวแปรในการตรวจสอบ){
 
case เงื่อนไขที่ 1:
 
คำสั่งที่ 1;
 
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
case เงื่อนไขที่ 2:
 
คำสั่งที่ 2;
 
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
.
 
.
.default //
 
คำสั่งสุดท้าย;
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
} // จบการทำงาน
การทำงานแบบวนลูป
คำสั่งวนลูปเป็นคำสั่งที่ทำให้โปรแกรมทำงานไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีคำสั่งอยู่ 3 คำสั่งคือ while , for และ do for ในคำสั่ง for เราสามารถกำหนดค่าเริ่มต้น เงื่อนไข และ การเพิ่มค่าได้ตั้งแต่แรก เขียนลำดับการทำงานได้ดังนี้
for(assignment,condition ,increment ){
statement;
 
}
for(ค่าเริ่มต้น,เงื่อนไขการทำงาน,เพิ่ม/ลด ค่า){ 
คำสั่งในการทำงาน;
 
}
while จะทำงานจนกว่าเงื่อนไขเป็นเท็จ สามารถเขียนลำดับการทำงานได้
while ( condition) {
 
statements;
 
}
 
while (เงื่อนไข) {
 
คำสั่งในการทำงาน ;
 
}
do จะทำงานคล้ายกับ while การใช้ do จะทำงาน 1 ครั้งก่อนแล้วจึงทำการตรวจสอบเงื่อนไข สามารถเขียนลำดับการทำงาน
ได้ดังนี้
 
do {
 
statements ;
 
} while ( condition)
do{ 
คำสั่งในการทำงาน ;
 
} while ( เงื่อนไข )

บรรณานุกรม

คำแนะนำการจัดหาคอมพิวเตอร์สำนักงาน

2. ถ้านักศึกษาเป็นผู้จัดการด้านคอมพิวเตอร์ และต้องให้คำแนะนำในการจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานสำนักงาน นักศึกษาจะแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ประเภทใด ระบุเหตุผลประกอบ
แนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ประเภทคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) หรือ PC  เนื่องจากเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเหมาะกับโต๊ะทำงาน ซึ่งมีตัวเครื่องทั้งแบบแนวนอน และแนวตั้งเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการวางบนโต๊ะทำงาน  และคอมพิวเตอร์ดังกล่าวก็มีขีดความสามารถเพียงพอสำหรับการประมวลผลในการทำงานภายในสำนักงาน ซึ่งส่วนมากมักจะนำคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานพิมพ์เอกสาร เก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น ข้อมูลลูกค้า เงินเดือนและข้อมูลพนักงาน ราคาสินค้าและวัตถุดิบ จัดเก็บและคำนวณรายรับ-จ่ายภายในบริษัท เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาที่ไม่สูงมากสามารถประหยัดงบประมาณได้ ทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ ในส่วนของฮาร์ดแวร์ ,ซอฟแวร์ ,เชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (LAN) และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานและการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ซึ่งมีผู้พัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ จำหน่ายแพร่หลายตลอดเวลาทำให้มีราคาไม่สูง

spec com

1.ใบโฆษณาขายคอมพิวเตอร์





จากในใบโฆษณาขายคอมพิวเตอร์ บอกรายละเอียดดังนึ้
1. Operating System
Microsoft® Windows® 7 Professional 32bit
2. Processor
Intel® Core™ i5 processor 560M 2.66 GHz
(Turbo up to 3.20 GHz)
3. Chipset
Intel® QM57
4. Memory
4.0 GB DDR3  1DIMM 
5. Hard disk
500 GB (2.50”) SATA with 7200 RPM
(HP 3D Drive Guard)
6. Optical Drive
External HP USB 2.0 DVD-RW
7. Monitor
12.1” WXGA  LED AG
8. Graphics
Intel® HD
9. Connection
Intel® Wireless 802.11 a/b/g /n 12,Bluetooh,
Intel® Gigabit Ethernet (10/100/1000 NIC)
56K V.92 Modem
HP un2400 EV-DO/HSPA Mobile Broadband Module,GPS
10. Audio
ไม่ได้ระบุไว้
11. I/O ports
2.0 Mega pixel camera with Business Card Reader
12. Keyboard
  Mouse Touch pad/keyboard
13. Warranty
3 year warranty (Parts/Labors) Onsite Service
14.Soft ware
MS Office 2007
15.Battery
6 cell (55 WHr) Long Life Battery
16.Weight
1.53 Kg
17.Free
HP Carrying Case,1 year Insurance
3 year HP Long Life Battery

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา 1 ร้านไอศครีม Iberry

1.ทางร้านได้รับประโยชน์ในการลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดำเนินงาน เพราะร้านไอศครีม Iberry ไม่จำเป็นต้องจ้างผู้ควบคุมดูแลเพื่อคอยดูแลการปฏิบัติงานของพนักงานในระดับล่างของแต่ละสาขาที่เปิดบริการอยู่เนื่องจากทางเจ้าของร้านได้ติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดโดยสามารถดูภาพผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ทได้ ซึ่งสามารถจ้างผู้ดูแลแค่ 1-2 คนโดยสามารถดูแลการปฏิบัติงานของพนักงานได้พร้อมกันทั้ง 10 สาขา พร้อมทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตไอศครีมได้เนื่องจากสามารถดำเนินการแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดกรณีไฟฟ้าดับเพราะได้ติดตั้งระบบแจ้งเตือนทางโทรศัพท์อัตโนมัติเมื่อมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจึงทำให้สามารถลดการสูญเสียของสินค้าได้ทำให้ได้กำไรตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังช่วยในการนำข้อมูลต่างๆจากยอดขาย มาคิดวิเคราะห์เพื่อหาสินค้าที่มียอดขายดีที่สุดและตรงกับความต้องการของลูกค้าได้  และอาจนำไปสู่กระบวนการผลิตสินค้าที่มีรสชาติใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรายได้จากการขายไอศกรีมเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้มีทุนในการเปิดหรือขยายสาขาเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

 2.ในอนาคตร้านไอศกรีม Iberry สามารถนำเอาระบบไอทีเข้ามาช่วยในด้านการส่งเสริมการขายได้ เช่น การโฆษณาผ่านทางอินเตอร์เน็ท หรือเปิดเว็บไซต์เป็นของตนเอง เพื่อเป็นช่องทางในการแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ  ซึ่งเป็นช่องที่เพิ่มความสะดวก สบายให้กับลูกค้า โดยสามารถสั่งสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ท และนำส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเอง และยังเป็นช่องทางในการแจ้งรายการส่งเสริมการขายของทางได้อย่างรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน  ซึ่งทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อมูลต่างๆ กับกลุ่มลูกค้าได้ ซึ่งจะทำให้ทางร้านสามารถคิดค้นสินค้า และบริการใหม่ๆ มานำเสนอได้ตรงตามความต้องการของตลาด ทำให้สามารถผูกมัดใจลูกค้าได้

3.สามารถนำมาใช้กับธุรกิจการค้าส่งได้ โดยสามารถนำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการควบคุมดูแลพนักงาน และลดการสูญเสียของสินค้าจากสาเหตุโดยพนักงานฉ้อโกงสินค้า  นำระบบไอทีมาวิเคราะห์หาข้อมูลด้านยอดขาย ยอดสั่งซื้อสินค้า รายการสินค้าต่างๆ เพื่อนำมาวางแผนในการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาขายได้ตรงตามความต้องการของตลาดในขณะนั้นได้อย่างเพียงพอและทันต่อเหตุการณ์  เป็นช่องทางสั่งซื้อสินค้าของทางร้าน และรับรายการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทันเหตุการณ์  เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนของการดำเนินงาน

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Social Network

Social Networking คืออะไร
Social Network หรือเรียกว่า เครือข่ายสังคม เครือข่ายมิตรภาพ” “กลุ่มสังคมออนไลน์ คือ บริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์ค Internet รวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ เช่น เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มย่อย เช่น กลุ่มคนขี่จักรยานเสือภูเขา โดยคนที่ลงทะเบียนสมัครจะกรอกข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ อัลบั้มรูป โดยเชื่อมเครือข่ายสังคมและเครือข่ายมิตรภาพเข้าด้วยกัน ด้วยการแชร์รูป แชร์ไฟล์  ซึ่งเราจะเรียกเว็บไซต์เหล่านี้ว่า SNS (Social Network Sites)
ความเป็นมาของ Social Network
จุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ Classmates.com เมื่อปี 1995 และเว็บไซต์ SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลการสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนนักเรียนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com ที่พัฒนาโดย Jonathan Bishop ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในรายชื่อเท่านั้น
องค์ประกอบของ Social Network ประกอบด้วย
1.Communicate (การสื่อสาร)
2.Definition (คำจำกัดความ)
3.Networking (เครือข่าย)
4.Sharing (แบ่งปัน)
       ประเภทของ Social Network

1. Identity Network   เผยแพร่ตัวตน  เช่น facebook  hi5  myspace.com
    ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ทสามารถสร้างเขียน blog สร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อน และสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้
2. Creative Network  เผยแพร่ผลงาน เช่น YouTube  multiply  flickr
    สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง
                   3. Interested Network    ความสนใจตรงกัน  เช่น
                       • Zickr ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยคนไทย เป็นเว็บ  ลักษณะเดียวกับ Digg แต่เป็นภาษาไทย
                       • Digg  นั้นคล้ายกับ del.icio.us แต่จะมีให้ลงคะแนนแต่ละเว็บไซด์ที่ถูกยกมานำเสนอ  และมี
                         การComment ในแต่ละเรื่อง
                       • del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยเป็นการ 
                         Bookmark เว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ตสามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยังสามารถบอก
                         ความนิยมของเว็บไซด์ต่างๆได้ โดยการดูจากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้
                         จากสมาชิกคนอื่นๆ
4. Collaboration Network   ร่วมกันทำงาน
     คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่างๆของซอฟต์แวร์ ตัวอย่างเช่น
     •WikiPedia เป็นสารานุกรมต่อยอด ที่อนุญาตให้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆได้ 
      ทำให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้
      มากมาย
     •ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Mapsสร้างแผนที่ของตัวเองหรือแชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ จึงทำให้
      มีสถานที่สำคัญหรือสถานที่ต่างๆถูกปักหมุดเอาไว้พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผล
      จากการค้นหาได้อีกด้วย 
5. Gaming/Virtual Reality  โลกเสมือน เช่น Second.LIFE  WORLD WARCRAFT
                                                  สองตัวอย่างของโลกเสมือนนี้ มันก็คือเกมส์ออนไลน์นั่นเอง SecondLife เป็นโลกเสมือนจริง สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราเองขึ้นมาได้ ใช้ชีวิตอยู่ในเกมส์ อยู่ในชุมชนเสมือน (Virtual Community) สามารถซื้อขายที่ดิน และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้
                   6. Peer to Peer (P2P) เช่น  Skype  BitTorrent
               P2P เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง Client (เครื่องผู้ใช้, เครื่องลูกข่าย) กับ Client โดยตรง โปรแกรม Skype จึงได้นำหลักการนี้มาใช้เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต และก็มี BitTorrent เกิดขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว แต่ทว่ามันก็ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์
10 อันดับ Social Network ที่ได้รับความนิยม
1. MySpace.com  
2. FaceBook.com  
3. Orkut.com   
4. Hi5.com
          5. Vkontakte.ru    
6. Friendster.com   
7. SkyRock.com                
          8. PerfSpot.com   
9. Bebo.com         
10. Studivz.net
                    การจัดอันดับการเข้าชมเว็บไซต์ในหลายประเทศ พบว่า อันดับ 1-10 ของแต่ละประเทศ ต้องมีเว็บที่ให้บริการรูปแบบ Social Network นั้นติดอยู่อย่างน้อยหนึ่งเว็บไซต์แตกต่างกันไป อย่างเช่น ประเทศไทยนิยมที่สุดในตอนนี้คือ Hi5 ซึ่งสถิติการใช้งานเป็นอันดับ รองจาก Google เลยทีเดียว 
       ประโยชน์ของ Social Network
                             Web 2.0 เป็นคำที่ถูกคิดขึ้นมาอธิบายลักษณะของเทคโนโลยีwww และการออกแบบเว็บไซต์ในปัจจุบัน ที่มีลักษณะเด่นต่างจาก Web 1.0 คือการพัฒนาให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อมูล โต้ตอบซึ่งกันและกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มีการแบ่งปันข้อมูลที่ง่ายขึ้น และยังสามารถปรับปรุงข้อมูลต่างๆได้โดยผู้ใช้งานเองอีกด้วย เช่น
                                  O Hi5 เราสามารถหาเพื่อนได้ทั่วโลก หรือว่าจะหาเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม โดยการเข้ากลุ่มโรงเรียนเก่าและโพสต์ข้อความลงยังบอร์ดของกลุ่ม
                    O สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์วิดีโอของตัวเอง ให้คนอื่นเข้ามาชมและแสดงความคิดเห็นได้ ดังเช่น ในเว็บ youtube.com
                 การนำ Social Network Service มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในตลาดธุรกิจและองค์กร จากการที่เทคโนโลยี Web 2.0 ได้เกิดขึ้น และ Social Network Service กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทางด้านธุรกิจและองค์กรเองก็มีการปรับใช้สิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์เช่นกัน บริษัทต่างๆเริ่มหันมาใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากจัดการใช้งาน และอัพเดทให้ทันสมัยได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะ Blog ส่วนใหญ่จะสำรวจและแยกประเภทความสนใจของสมาชิกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านข้อความแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น Web Blog ชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง http://ameblo.jp/ ที่มีหลายบริษัททำการลงโฆษณา และใช้ Blog ของเว็บนี้ประชาสัมพันธ์
                ซึ่งประเทศไทยเริ่มจะมีการใช้สื่อนี้ในการโฆษณามากขึ้นและนอกจาก Social Network จะเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนข้อมูล รูปภาพ วีดิโอแล้ว ยังพัฒนามาเป็นที่แนะนำสินค้า สถานที่ และบริการต่างๆ หรือที่รู้จักกันใน Collaborative Shopping Communities อีกด้วย ซึ่งสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับกระแสที่มาแรง แฟชั่น ร้านค้าที่นิยม นี่ก็เป็นโอกาสสำหรับนักการตลาดที่สามารถรู้ถึงความสนใจ ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้นั่นเอง
         ข้อดี-ข้อเสียของ Social Network
            เมื่อ Social Network Service ได้รับความนิยมอย่างมากมากในโลกออนไลน์ แต่เมื่อมีด้านดี ก็ย่อมมีด้านเสียอยู่เหมือนกัน เนื่องจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเริ่มมีอิทธิพลมาก การพิจารณาอย่างมีสติ และรอบคอบในการใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ข้อดีของ Social Network
ī สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
īเป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมและเป็นตัวกลางในการเสนอและแสดงความคิดเห็น เพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
ī ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
ī เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
ī ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
ī ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
ī มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่า หรือเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
ข้อเสียของ Social Network
! เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
! Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง ย่อมมีบุคคลที่ไม่หวังดีแฝงตัวอยู่ ดังนั้นหากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
! เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
                    ! ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยาก
                   แก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก 
                   หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้

บรรณานุกรม
http://jack.in.th/blog/113