วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา ระบบสนับสนุนการปฏิบัติการบินของการบินไทย

กรณีศึกษา ระบบสนับสนุนการปฏิบัติการบินของการบินไทยบนเทคโนโลยี.NET
ประโยชน์ที่การบินไทยได้รับจากการใช้ระบบ OPAL อะไรบ้าง
          1.สามารถวางแผน ติดตามและควบคุมการจัดเที่ยวบินแต่ละลำให้เป็นไปตามตารางการบิน ได้อย่างเป็นระบบซึ่งทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องเสียเวลา เกิดความสะดวก รวดเร็ว และสามารถเดินทางได้ตามแผนการเดินทางที่วางไว้ เพราะการบินไทยมีตารางการบินที่แน่นอน
          2.สามารถวางแผนตารางการซ่อมบำรุงได้อย่างเหมาะสมและเป็นระบบ ทำให้สามารถกำหนดการจัดหาอุปกรณ์และอะไหล่ต่างๆ ได้ครั้งละมากๆ ทำให้ลดต้นทุนในการสั่งซื้อเนื่องจากซื้อของจำนวนมากจะได้ราคาที่ถูกกว่า ทำให้เครื่องบินแต่ละลำมีประสิทธิภาพสมบรูณ์ ทำให้ลดความเสี่ยงของผู้รับบริการและทำให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้รับบริการมากขึ้นส่งผลให้เกิดความประทับใจและมาใช้บริการครั้งต่อไปอีก
3.อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่เนื่องจากสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะส่งผลดีและทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการบินไทย
4.สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลจากระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการตัดสินใจและวิเคราะห์ปัญหาของผู้บริหารในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมและสามารถลดข้อผิดพลาดต่างๆ ให้น้อยลงได้หรือหมดไป
ท่านคิดว่าการพัฒนาระบบ OPAL มีข้อจำกัดหรือปัญหาหรือไม่
1.ระบบสามารถควบคุมในการจัดตารางการบินและตารางการซ่อมบำรุงเท่านั้น ซึ่งระบบดังกล่าวใช้งานได้น้อยเกิดไปและไม่น่าจะเพียงพอต่อระบบของสายการบินซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และจะต้องมีการพัฒนาระบบดังกล่าวให้สามารถนำมาบริหารจัดการให้มีความครอบคลุมมากกว่านี้
2.ระบบดังกล่าวมีการพัฒนามาจากโปรแกรม Microsoft Visual Studio.NET ซึ่งน่าจะมีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด ในการสนับสนุนและพัฒนาให้สอดคล้องกับระบบซอฟแวร์และระบบฮาร์ดแวร์ในปัจจุบัน
3.หากระบบเครือข่าย หรือตัวแม่ข่ายในการจัดเก็บข้อมูล และประมวลผล เกิดเสียหายหรือเกิดความผิดพลาดขึ้นมา จะทำให้มีผลต่อระบบทั้งหมด และอาจส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายต่อสายการบินได้ หากไม่มีการวางเตรียมการสำรองระบบหรือแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ล่วงหน้า

กรณีศึกษา SF Cinema City

กรณีศึกษา SF Cinema City นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ
ระบบที่เอส เอฟ ซินิม่า ซิตี้ นำมาใช้นี้ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการอย่างไรบ้าง
               ด้านเจ้าของธุรกิจ
          1.ทำให้ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซินิม่า เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นและสามารถขยายขอบเขตในการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากได้มีการพัฒนา จัดทำเว็บไซต์เป็นของตนเอง ที่สามารถให้บริการจองตั๋วที่นั่งชมภาพยนตร์แก่ลูกค้าได้ และยังสามารถนำเว็บไซต์ดังกล่าวมาเป็นตัวช่วยในการโฆษณารายละเอียดโปรแกรมภาพยนตร์ พร้อมทั้งเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ และรับทราบความคิดเห็นของลูกค้าได้ ซึ่งสามารถนำมาปรับปรุงและเกิดแนวคิดใหม่ๆ ในการให้บริการ
          2.ทำให้สามารถลดต้นทุน เนื่องจากลูกค้าสามารถพิมพ์ตั๋วภาพยนตร์ได้เองจากบ้าน ซึ่งทำให้เป็นการประหยัดการจัดทำตั๋วภาพยนตร์ และสามารถลดจำนวนพนักงานบริการจำหน่ายตั๋วได้ ทำให้เกิดต้นทุนต่ำลงและส่งผลทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น
          3.ทำให้เกิดการบริการที่แปลกใหม่ เกิดความสะดวกต่อลูกค้า ซึ่งจะทำให้ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา และเป็นช่องทางได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจด้านโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกิดการแข่งขันกันมากขึ้นในปัจจุบัน
               ด้านผู้ใช้บริการ
               1.ทำให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้นโดยไม่ต้องรีบร้อนเพื่อไปแย่งชิงการซื้อตั๋วที่หน้าโรงภาพยนตร์ ทั้งยังสามารถทราบว่าภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายดังกล่าวจำหน่ายตั๋วหมดแล้วหรือยัง จึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอเพื่อซื้อตั๋วดูภาพยนตร์ในรอบต่อไป
               2.ผู้รับบริการมีอิสระในการเลือกที่นั่งสำหรับชมภาพยนตร์และสามารถจัดพิมพ์ตั๋วภาพยนตร์ได้เองได้ตรงตามความต้องการ ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดความประทับใจและผูกมัดใจทำให้มารับบริการในครั้งต่อๆ ไปอีก
ระบบที่นำมาใช้นี้มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
          1.ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี คือผู้รับบริการจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ทและเข้าสู่เว็บไซต์ของ เอส เอฟ ซินีม่า และจำเป็นต้องมีเครื่องปริ้นเตอร์ เพื่อทำการพิมพ์ตั๋วภาพยนตร์ที่จองไว้ และนำไปเป็นหลักฐานให้แก่ผู้ให้บริการเมื่อจะเข้าชมภาพยนตร์
          2.ข้อจำกัดด้านความรู้ เพราะการนำระบบเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ผู้รับบริการจะต้องมีความรู้และเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดของกลุ่มลูกค้า ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะต้องเป็นหนุ่ม สาวคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการเรียนรู้ในการใช้งานระบบเทคโนโลยีดังกล่าวมาแล้ว และหากการใช้งานและวิธีการจองตั๋วภาพยนตร์มีความยุ่งยากซับซ้อนเกินไปจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายของผู้รับบริการและอาจจะทำให้สูญเสียลูกค้าให้คู่แข่งขันเจ้าอื่นๆ ได้
          3.ข้อจำกัดกลุ่มลูกค้า เนื่องจากระบบการจองตั๋วดังกล่าวจะต้องจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวยังมีจำนวนน้อยเนื่องจากการทำบัตรเครดิตผู้ที่จะทำได้จะต้องมีรายได้สูงพอสมควร และต้องมีคุณสมบัติที่ตรงตามความต้องการของให้บริการบัตรเครดิต
          4.ค่าใช้จ่ายในการดูแลและพัฒนาระบบ ทั้งทางด้านซอฟแวร์ และฮาร์ดแวร์ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบให้มีความทันสมัยและเกิดความปลอดภัยต่อข้อมูลของลูกค้าตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นการป้องกันการนำข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าไปโจรกรรมด้านการเงิน และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำหรับจัดทำเว็บไซต์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบและทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
หากจะนำระบบไอทีของ เอส เอฟ ซีนีม่า ซิตี้ มาให้บริการด้านอื่นๆ จะแนะนำให้นำไอทีมาต่อยอดได้อย่างไรบ้าง
ธุรกิจโรงแรมหรือที่พักต่างๆ  เพื่อความสะดวกของลูกค้า โดยสามารถนำข้อมูลต่างๆ เช่น  จำนวนห้องพักที่ว่าง ราคาห้องพักแบบต่างๆ เส้นทางในการเดินทาง รายการโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อลูกค้าสามารถเปรียบเทียบความเหมาะสมและวางแผนการเดินทางได้ตามความต้องการ
ธุรกิจร้านหนังสือ,ร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้า จำนวนสินค้าที่มีอยู่ ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อ แก่ลูกค้าเพื่อเปรียบเทียบสินค้าและพิจารณาตัดสินใจในการซื้อสินค้า
สายการบิน,รถโดยสารประจำทาง เพื่อให้ข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนที่นั่งที่เหลืออยู่ ราคาบริการ เวลาเดินทาง และข้อจำกัดต่างๆ ในการให้บริการ ซึ่งทำให้เกิดความสะดวกในการเปรียบเทียบราคาและรายละเอียดการบริการเพื่อพิจารณาเลือกใช้บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า 

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต

การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสำคัญ เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ รวมทั้งเงินทุนที่จะใช้ในการติดตั้งระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ
1. การเชื่อมต่อแบบ Dial Up
เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้
องค์ประกอบของการใช้อินเตอร์เน็ตรายบุคคล 
          1. โทรศัพท์ 
          2. เครื่องคอมพิวเตอร์ 
          3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน 
          4. โมเด็ม (Modem) 
ข้อดี ของการเชื่อมต่อแบบ Dial Up คือ
1.อุปกรณ์มีราคาถูก
2.การติดตั้งง่าย
3.การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทำได้ง่าย
ข้อเสีย คืออัตราการรับส่งข้อมูลค่อนข้างต่ำเพียงไม่เกิน 56 kbit (กิโลบิต) ต่อวินาที

2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN (Internet Services Digital Network) 
เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital) และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ คือ
1.ต้องติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP) ที่ให้บริการการเชื่อมต่อแบบ ISDN
2.การเชื่อมต่อต้องใช้ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ
3.ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่จะใช้บริการนี้ อยู่ในอาณาเขตที่ใช้บริการ ISDN ได้หรือไม่
           องค์ประกอบของการต่ออินเตอร์เน็ตด้วยระบบโทรศัพท์ ISDN           
1. Network Terminal (NT) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อจากชุมสาย ISDN เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลของ ISDN โดยเฉพาะ เช่น เครื่องโทรศัพท์ดิจิทัล เครื่องแฟกซ์ดิจิทัล
2. Terminal adapter (TA) เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อใช้ต่อ NT เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้กับโทรศัพท์บ้านระบบเดิม และทำหน้าที่เป็น ISDN modem ที่ความเร็ว 64-128 Kbps 
3. ISDN card เป็นการ์ดที่ต้องเสียบในแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์เพื่อต่อกับ NTโดยตรง ในกรณีที่ไม่ใช้ Terminal adapter 
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านคู่สาย ISDN (ISDN ISP) เช่น KSC, Internet Thailand, Lox Info, JI-Net ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเหล่านี้จะทำการเช่าคู่สาย ISDN กับองค์การโทรศัพท์ (บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ) 
ข้อดี คือไม่มีสัญญาณรบกวน มีความเร็วสูง และยังคงสามารถใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยไปได้พร้อม ๆ กับการเล่นอินเตอร์เน็ต 
ข้อเสีย คือมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบ Dial-Up

3.การเชื่อมต่อแบบ DSL(Digital Subscriber Line) 
เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL ก็คือ
1.ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่ติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการระบบโทรศัพท์แบบ DSL หรือไม่
2.บัญชีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในแบบ DSL
3.การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ
4.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน DSL จะมีความเร็วที่ 64/128 Kbps (อัพโหลด ที่ 64 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 128 Kbps) และที่ 128/256 Kbps (อัพโหลด ที่ 128 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 256 Kbps) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการ
ข้อดี คือมีความเร็วสูงกว่าแบบ Dial-Up และ ISDN
ข้อเสีย คือไม่สามารถระบุความเร็วที่แน่นอนได้

4.การเชื่อมต่อแบบ Cable 
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
1.ใช้ Cable Modem เพื่อเชื่อมต่อ
2.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
การใช้เคเบิลโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะทำให้ความเร็วสูงถึง 2/10 Mbps นั้น คือ ความเร็วในการอัพโหลด ที่ 2 Mbpsและความเร็วในการ ดาวน์โหลด ที่ 10 Mbps แต่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ที่ 64/256 Kbps 
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเคเบิลโมเด็ม 
1. ต้องมีการเดินสายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิล มาถึงบ้าน ซึ่งเป็นสายโคแอกเชียล (Coaxial ) 
2. ตัวแยกสัญญาณ (Splitter) ทำหน้าที่แยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ผ่านเคเบิลโมเด็ม 
3. Cable modem ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ 
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม ในปัจจุบัน มีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทเอเชียมัลติมีเดีย ในเครือเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเชีย ผู้ให้บริการ Asia Net
ข้อดี คือถ้ามีสายเคเบิลทีวีอยู่แล้ว สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยเพิ่มอุปกรณ์ Cable Modem ก็สามารถเชื่อมต่อได้ 
ข้อเสีย คือถ้ามีผู้ใช้เคเบิลในบริเวณใกล้เคียงมาก อาจทำให้การรับส่งข้อมูลช้าลง


5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites) 
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
1.จานดาวเทียมขนาด 18-21 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากดาวเทียม
2.ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
ซึ่งในปัจจุบันใช้การส่งผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว (One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download)ด้วยความเร็วสูงในระดับเมกะบิตต่อวินาทีแต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56 Kbps การใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย 
          องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยดาวเทียม 
1.จานดาวเทียมขนาดเล็ก 
2. อุปกรณ์รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อแปลงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
3. โมเด็มธรรมดา พร้อมสายโทรศัพท์ 1 คู่สาย เพื่อส่งสัญญาณกลับ (Upload) 
4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครือชินคอร์ปอเรชั่น
ข้อเสีย ของการเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites) ได้แก่ต้องส่งผ่านสายโทรศัพท์เหมือนแบบอื่น ๆความเร็วในการรับส่งข้อมูลต่ำมากเมื่อเทียบกับแบบอื่น ๆค่าใช้จ่ายสูง

การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet) 
1.การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็มชนิด PCMCIA ของ PCT ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้ 
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet) 
2.1 WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง 
2.2 GPRS (General Packet Radio Service)    เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย 
2.3 โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สายความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbpsซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย
2.4 เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สายโดยใช้้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สายบลูธูทเพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี
3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm) 
ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น 

อ้างอิง

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พีดีเอกับร้านก๋วยเตี๋ยว

1.ประโยชน์ที่จะได้จากการนำพีดีเอ มาใช้ในธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวมีอะไรบ้าง
                   1.ลดความผิดพลาดในการรับเมนูอาหารจากลูกค้าได้
           2.มีรายการอาหาร ข้อมูล และราคาอยู่ในเครื่องพีดีเอ พนักงานสามารถตอบคำเกี่ยวกับอาหารและราคาอาหารแก่ลูกค้าได้ในทันทีเพื่อการตัดสินใจในการสั่งปริมาณอาหารของลูกค้า ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในการรับรายการอาหาร และการคิดราคาอาหารได้
             3.สามารถส่งข้อมูลรายการอาหารและหมายเลขโต๊ะตามลำดับก่อนหลังของลูกค้าภายในร้านได้อย่างเป็นระบบ เกิดความยุติธรรมในการรอคอย
                4เป็นการเพิ่มระดับการบริการของร้านให้มีความแตกต่าง และมีประสิทธิภาพมากกว่าร้านอื่นๆ ซึ่งสามารถชักจูงให้มีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น
                5.สามารถบันทึกและเรียกข้อมูลการบริการและรายการอาหารต่างๆ ที่จำหน่ายได้ในแต่ละวัน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการได้ เช่น การสั่งซื้อวัตถุดิบ  การดูและสรุปยอดขายอาหาร เป็นต้น

2.ท่านคิดว่ามีข้อจำกัดหรือปัญหาอะไรบ้างในการนำเทคโนโลยีพีดีเอมาใช้ในธุรกิจนี้
                1.ต้องใช้เงินลงทุนและมีค่าใช้จ่ายประจำที่สูงขึ้น เพื่อการจัดหาและวางแผนบริหารจัดการระบบและการบำรุงรักษาเทคโนโลยีพีดีเอ ซึ่งไม่เหมาะสมกับร้านที่มีขนาดเล็ก
                2.ความรู้และความเข้าใจของพนักงานในการปฏิบัติงานกับระบบเทคโนโลยีพีดีเอ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน
                3.ต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น มีไฟฟ้าดับ หรือระบบรับส่งข้อมูลขัดข้องกะทันหัน
                4.อาจสูญเสียลูกค้าบางกลุ่มไปเนื่องจากคิดว่าราคาค่าอาหารน่าจะมีราคาแพงกว่าปกติเกิดความจำเป็น
3. ธุรกิจใดบ้างที่สามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ จงอธิบาย
                ต้องเป็นธุรกิจหรือร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีงบในการลงทุนสูง มีจำนวนผู้ใช้บริการมาก ซึ่งจำเป็นต้องให้บริการได้รวดเร็ว ถูกต้อง มีความผิดพลาดน้อยที่สุด เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งสามารถนำเทคโนโลยีพีดีเอมาใช้ได้อย่างคุ้มค่ากับการลงทุน  เช่น ร้านอาหารฟาสฟู้ด  ร้านหมูกระทะ  ร้านอาหารทะเล ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง   เป็นต้น

ประเภทภาษาคอมพิวเตอร์และตัวอย่างภาษา

3. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
1.ภาษาเครื่อง (Machine Language)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาเดียวที่สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง ภาษาเครื่องจะเป็นชุดคำสั่งที่ใช้ในการสั่งงานหรือติดต่อกับเครื่องโดยตรงลักษณะสำคัญของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยรหัสของเลขฐานสองที่ใช้เลข 1 และ 0 เป็นสัญลักษณ์ไฟฟ้าปิดและเปิดตามลำดับ ซึ่งเทียบได้กับลักษณะของสัญญาณ ทางไฟฟ้าเข้ากับหลักการทำงานของเครื่องซึ่งเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่ จะทำงานตามคำสั่งได้ทันทีภาษาเครื่องจะมีกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ค่อนข้างจำกัด โปรแกรมมีลักษณะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน รหัสโครงสร้างของแต่ละคำสั่งของภาษาเครื่องจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ
ก. รหัสบอกประเภทของคำสั่ง (Operation Code หรือ Op-Code) เป็นส่วนที่บอกคำสั่งให้เครื่องทำการประมวลผล เช่นให้ทำการบวก ลบ คูณ หาร หรือเปรียบเทียบ
ข. รหัสบอกตำแหน่งข้อมูล (Operand) เป็นส่วนที่บอกว่าข้อมูลที่จะนำมาประมวลผลนั้นเก็บอยู่ในตำแหน่ง(Address)ใดของหน่วยความจำลักษณะของโปรแกรมจะประกอบด้วยกลุ่มของรหัสคำสั่ง ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานสองเรียงต่อกัน ซึ่งผู้เขียนโปรแกรมจะต้องทราบถึงเทคนิคการใช้รหัสคำสั่งและจะต้องจำตำแหน่งของคำสั่งของข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ เพราะเนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละบริษัทจะใช้ภาษาเครื่องของตนเอง และผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดี ดังนั้นการเขียนโปรแกรมเป็นภาษาเครื่องจึงมีผู้เขียนอยู่ในวงจำกัด เพราะต้องมีความรู้ทางด้านเครื่องและรหัสของเครื่องด้วยจึงจะเขียนโปรแกรมได้ ภาษาเครื่องของคอมพิวเตอร์แต่ละระบบจะแตกต่างกัน ทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบใหม่ก็จะต้องเขียนโปรแกรมใหม่
ข้อดีของภาษาเครื่อง
1.เมื่อคำสั่งเข้าสู่เครื่องจะสามารถทำงานได้ทันที
2.สามารถสร้างคำสั่งใหม่ๆได้โดยที่ภาษาอื่นทำไม่ได้
3.ต้องการหน่วยความจำเพียงเล็กน้อย
ข้อเสียของภาษาเครื่อง
1.ต้องเขียนโปรแกรมคำสั่งยาวทำให้ผิดพลาดได้ง่าย
2.ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องรู้ระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดีจึงสามารถเขียนโปรแกรมได้ และถ้าเครื่องที่มีฮาร์ดแวร์ต่างกัน จะใช้โปรแกรมร่วมกันได้
2.ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Language)
จัดเป็นภาษาสัญลักษณ์(Symbolic Language)เป็นภาษาที่พัฒนามาจากภาษาเครื่องซึ่งเขียนโปรแกรมยาก ภาษาแอสแซมบลีจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้สัญลักษณ์ข้อความแทนกลุ่มของเลขฐานสอง                1 และ 0 ซึ่งใช้ตัวย่อที่มีความหมาย เรียกว่า นีมอนิก ในคำสั่งทำให้การเขียนโปรแกรมสะดวกขึ้นแต่ผู้เขียนโปรแกรมยังคงต้องจำความหมายสัญลักษณ์ที่ใช้แทนคำสั่งต่าง ๆ การเขียนโปรแกรมภาษาแอสแซมบลี มีลักษณะที่ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องเราไม่สามารถนำโปรแกรมภาษาแอสแซมบลีไปใช้กับเครื่องต่างชนิดกันได้ ดังนั้น ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องเข้าใจระบบการทำงานของเครื่องเป็นอย่างดี การเขียนโปรแกรมด้วยภาษานี้ วิธีการก็คล้ายกับการเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องแต่อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์จะรู้จักแต่เฉพาะภาษาเครื่องเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องมีการแปลภาษาแอสแซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อนเครื่องจึงจะสามารถทำงานตามโปรแกรมคำสั่งได้โปรแกรมที่ทำหน้าที่แปลภาษานี้เรียกว่าแอสแซมเบลอร์(Assembler)
ข้อดี ของภาษาแอสแซมบลี
-การเขียนโปรแกรมเขียนง่ายกว่าภาษาเครื่อง
ข้อเสีย ของภาษาแอสแซมบลี
- ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมมีลักษณะคล้ายภาษาเครื่องทำให้โปรแกรมคำสั่งต้องเขียนยาวเช่นเดิม
3.ภาษาระดับสูง (High Level Language)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนา  ภาษายุคที่สาม ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากภาษาเครื่องและภาษาแอสแซมบลีเพื่อง่ายต่อการเรียนรู้ และใช้งานเรียกว่าภาษา โพรซีเยอร์ เพื่อให้สามารถใช้ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การเขียนภาษาไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์หรือลักษณะการทำงานภายในของเครื่อง ผู้เขียนโปรแกรมไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบการทำงานภายในเครื่องมากนัก เพียงแต่เข้าใจกฎเกณฑ์ในการเขียนแต่ละภาษาให้ดี ซึ่งลักษณะคำสั่งจะคล้ายกับภาษาอังกฤษ เช่น * แทนการคูณ, + แทนการบวก เป็นต้น  ดังนั้นภาษาระดับสูงจึงเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตามภาษาระดับสูงเครื่องจะยังไม่เข้าใจ จึงต้องมีการแปลให้เป็นภาษาเครื่องเสียก่อน โปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อินเทอพรีทเตอร์ (Interpreter) และคอมไพเลอร์ (Compiler)




1.อินเทอพรีทเตอร์(Interpreter)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง การแปลจะแปลที
และคำสั่งและทำงานตามคำสั่งทันที แล้วจึงไปอ่านคำสั่งต่อไป ในกรณีที่โปรแกรมมีลักษณะการทำงานแบบวนซ้ำ (Loop) อินเทอพรีทเตอร์จะต้องแปลคำสั่งนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงทำให้การแปลแบบอินเทอพรีทเตอร์ทำงานซ้ำ อินเทคพรีทเตอร์จะไม่สร้างออฟเจ๊ทโปรแกรม (Object Program) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่แปลเป็นภาษาเครื่องเก็บไว้ ฉะนั้นทุกครั้งที่สั่งให้โปรแกรมทำงานอินเทอพรีทเตอร์ก็จะเริ่มแปลใหม่ทุกครั้ง เครื่องจะเริ่มทำงานทันทีเมื่ออินเทอพรีทเตอร์แปลคำสั่งเสร็จและจะหยุดทำงานเมื่อดินเทอพรีทเตอร์พบข้อผิดพลาดในคำสั่งที่แปล และจะรายงานความผิดพลาดทันที ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องแก้ไขโปรแกรมคำสั่งให้ถูกแล้วสั่งให้โปรแกรมเริ่มทำงานใหม่ อินเทอพรีทเตอร์ก็จะเริ่มแปลคำสั่งนั้นใหม่ภาษาที่ใช้อินเทคพรีทเตอร์แปลเช่นภาษาBASICAและGWBASIC เป็นต้น
2.คอมไพเลอร์(Compiler)
เป็นโปรแกรมที่ใช้แปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องคอมไฟเลอร์จะทำการ
แปลทั้งโปรแกรม แล้วเก็บโปรแกรมที่แปลได้ในรูปของภาษาเครื่องเก็บไว้ในลักษณะของออฟเจ็ท โปรแกรม (Object Program) ถ้าโปรแกรมที่แปลไม่มีข้อผิดพลาดก็จะปฏิบัติงานตามคำสั่งนั้น ๆ ทันทีแต่ถ้าโปรแกรมมีข้อผิดพลาด คอมไพเลอร์ก็จะบอกข้อผิดพลาดทั้งหมดที่มีในโปรแกรมออกมาให้ทราบ  และจะยอมให้ออฟเจ็ทโปรแกรมทำงานต่อเมื่อโปรแกรมได้รับการแก้ไขจนไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว โปรแกรมที่ถูกแปลจะเก็บไว้เป็นออฟเจ็ทโปรแกรมในหน่วยความจำ จึงทำให้ต้องใช้เนื้อที่ในหน่วยความจำมากกว่าอินเทอพรีทเตอร์ เพราะต้องเก็บตัวโปรแกรมภาษา (Source Program)  ออฟเจ็ท โปรแกรม (Object Program) และคอมไฟเลอร์ (Program)
เมื่อแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว คอมไพเลอร์จะทำการแปลทั้งโปรแกรมใหม่เพื่อเก็บเป็นออฟเจ็ทโปรแกรมอีกครั้งหนึ่งในกรณีที่มีการทำงานแบบวนซ้ำ (Loop) เครื่องจะนำเอาออฟเจ็ทโปรแกรมที่แปลเก็บไว้ไปใช้ทำงาน โดยไม่ต้องมีการแปลซ้ำอีก ทำให้การทำงานเร็วกว่าการแปลแบบอินเทอพรีทเตอร์ ภาษาที่ใช้คอมไพเลอร์แปล ได้แก่ ภาษา C, COBOL, FORTRAN,PL/1, TURBO BASIC,PASCAL เป็นต้น

4.ยกตัวอย่างภาษา
ภาษาC กับ PIC
การเขียนโปรแกรมของไมโครคอนโทรลเลอร์ PIC นอกจากจะใช้ภาษาแอสเซมปลี(Assembly) แล้ว เรายังสามารถใช้ภาษาอื่นๆได้อีก เช่นภาษาเบสิก และ ภาษาซี เป็นต้น แต่ในบทความต่อจากนี้จะขอกล่าวถึงภาษาซีเท่านั้น
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาC มีข้อดีอยู่ เช่น 
C เป็นภาษาไม่ขึ้นกับฮาร์แวร์ 
C สามารถเขียนแบบโครงสร้าง 
C ง่ายต่อการ ศึกษา
 
C มีความสามารถใกล้เคียงแอสเซมบลี
 
C สามารถเขียนการทำงานที่ซับซ้อนได้
 
ในการเขียนโปรแกรมของไมโครคอนโทรลเลอร์ตระกูลอื่นสามารถเขียนด้วยหลักการใกล้เคียงกัน
โปรแกรมภาษา C
ภาษา C นั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ 1. ฟัง์ชัน 2.ตัวแปร 3.คำสั่งการทำงาน
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาC 
#include
 
voidmain
 
{
 
printf("HelloPIC");
 
}
โปรแกรมนี้จะแสดงคำว่า "Hello PIC"
คีย์เวิร์ด (keywords) หรือ คำสงวนในภาษา
คีย์เวิร์ด (keywords) หรือ คำสงวนในภาษาC เป็นคำที่สงวนไว้หามนำมาใช้สร้างเป็นชื่อฟังก์ชันชั้น หรือ ตัวแปร ถ้าใช้แล้วจะทำให้การผิดพลาดในการคอมไพล์เลอร์ คำสงวนมีดังนี้
การเขียนคอมเมนต์(comments)
บรรทัดใดมีการเขียนคอมเมนต์ บรรทัดนั้นจะไม่ถูกนำไปคอมไพล์เลอร์ คือจะผ่านบรรทัดนั้นไปเลย การเขียนคอมเมนต์ก็เพื่อที่จะอธิบายการทำงาน หรือ ต้องการบอกอะไรบางอย่างของโปรแกรมนั้นๆ ซึ่งการเขียนคอมเมนต์ทำได้คือ
1. ใช้เครื่องหมาย // นำหน้า เช่น // โปรแกรมแสดงการทำงานของนาฬิกา 
2. ใช้เครื่องหมาย /* */ ค่อมระหว่างอักษรที่ต้องการ เช่น /* โปรแกรมแสดงการทำงานของนาฬิกา */ ซึ่งการใช้เครื่องหมายแบบนี้สามารถใช้แบบหลายบรรทัดได้
ชนิดตัวแปร (Variable type)
ตัวแปรคือ ชื่อที่ผู้เขียนโปรแกรมกำหนดขึ้นเพื่อใช้งาน (หรือใช้ในการจองหน่วยความจำ) โดยก่อนที่จะกำหนดชื่อตัวแปรนั้น เราจะต้องกำหนดชนิดของข้อมูลตัวแรก่อน โดยชนิดของข้อมูลตัวแปรในภาษC เช่น 
int ตัวเลขจำนวนเต็ม 8 บิต 0 ถึง 255 
long ตัวเลข 16 บิต 0 ถึง 65,535 
float ตัวเลขทศนิยม 32 บิต 3.4x10e-38 ถึง 3.4 x10e38 
char ตัวอักขระ 8 บิต 
int16 ตัวเลข 16 บิต 0 ถึง 65,535 
int32 ตัวเลข 32 บิต 0 ถึง 4,294,967,298
ค่าคงที่ (Constants)
ค่าคงที่เป็นการประกาศครั้งเดียวแล้วสามารถเรียกค่านั้นมาใช้งานได้เลย ซึ่งเราจะใช้ ไดเร็กตีฟ #define ในการกำหนดค่าคงที่ เช่น
#define PI 3.142 คือ การประกาศว่าค่า PI มีค่าเท่ากับ 3.142 
#drfine TRUE 1 คือ การประกาศว่าค่า TRUE มีค่าเป็น1 
#drfine FALSE 0 คือ การประกาศว่าค่า FALSE มีค่าเป็น 0
การคำนวณทางคณิตศาสตร์
สัญลักษณ์การคำนวณทางคณิศาสตร์ในการเขียนโปรแกรมมีดังนี้
เงื่อนไขการทำงานและลอจิก
เงื่อนไขการทำงานกับตัวแปร มีสัญลักษณ์ต่างๆดังนี้
การกระทำทางบิต
การกระทำทางบิตจะใช้ในระบบดิจิตอลซึ่งจะมีสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้
การทำงานแบบมีเงื่อนไข
การทำงานแบบมีเงื่อนไขจะมีอยู่ 2 คำสั่งคือ if..else และ switch
if...else จะเป็นการตรวจสอบเงื่อนไข ถ้าเป็นจริงจะทำตามเงื่อนไข ถ้าเป็นเท็จจะทำตามเงื่อนไขหลัง else และเขียนโครงสร้างได้ดังนี้ 
if(condition) {
 
statements 1;
 
}
 
else {
 
statements2;
 
} if(เงื่อนไขการทำงาน) { // เงื่อนไขเป็นจริง
 
คำสั่งการทำงาน 1;
 
}
 
else { // เงื่อนไขเป็นเท็จ
 
คำสั่งการทำงาน 2;
 
} // จบการทำงาน
switch จะใช้ตรวจสอบค่ากับเงื่อนไข โดยค่าที่ตรวจสอบจะเป็นค่าเดี่ยวๆจะเป็นค่าอยู่ระหว่างไม่ได้ซึ่งสามารถเขียนโครงสร้างได้ดังนี้ 
switch(expression){
 
case condition 1:
 
statements1;
 
Beak;
 
case condition 2:
 
statements2;
 
Beak;
 
.
 
.
 
default
 
statements;
 
Break
 
}
 
switch (ตัวแปรในการตรวจสอบ){
 
case เงื่อนไขที่ 1:
 
คำสั่งที่ 1;
 
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
case เงื่อนไขที่ 2:
 
คำสั่งที่ 2;
 
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
.
 
.
.default //
 
คำสั่งสุดท้าย;
หยุด; // จะมีหรือไม่มีก็ได้
 
} // จบการทำงาน
การทำงานแบบวนลูป
คำสั่งวนลูปเป็นคำสั่งที่ทำให้โปรแกรมทำงานไปเรื่อยๆ ซึ่งจะมีคำสั่งอยู่ 3 คำสั่งคือ while , for และ do for ในคำสั่ง for เราสามารถกำหนดค่าเริ่มต้น เงื่อนไข และ การเพิ่มค่าได้ตั้งแต่แรก เขียนลำดับการทำงานได้ดังนี้
for(assignment,condition ,increment ){
statement;
 
}
for(ค่าเริ่มต้น,เงื่อนไขการทำงาน,เพิ่ม/ลด ค่า){ 
คำสั่งในการทำงาน;
 
}
while จะทำงานจนกว่าเงื่อนไขเป็นเท็จ สามารถเขียนลำดับการทำงานได้
while ( condition) {
 
statements;
 
}
 
while (เงื่อนไข) {
 
คำสั่งในการทำงาน ;
 
}
do จะทำงานคล้ายกับ while การใช้ do จะทำงาน 1 ครั้งก่อนแล้วจึงทำการตรวจสอบเงื่อนไข สามารถเขียนลำดับการทำงาน
ได้ดังนี้
 
do {
 
statements ;
 
} while ( condition)
do{ 
คำสั่งในการทำงาน ;
 
} while ( เงื่อนไข )

บรรณานุกรม

คำแนะนำการจัดหาคอมพิวเตอร์สำนักงาน

2. ถ้านักศึกษาเป็นผู้จัดการด้านคอมพิวเตอร์ และต้องให้คำแนะนำในการจัดหาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานสำนักงาน นักศึกษาจะแนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ประเภทใด ระบุเหตุผลประกอบ
แนะนำให้ใช้คอมพิวเตอร์ประเภทคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) หรือ PC  เนื่องจากเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเหมาะกับโต๊ะทำงาน ซึ่งมีตัวเครื่องทั้งแบบแนวนอน และแนวตั้งเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการวางบนโต๊ะทำงาน  และคอมพิวเตอร์ดังกล่าวก็มีขีดความสามารถเพียงพอสำหรับการประมวลผลในการทำงานภายในสำนักงาน ซึ่งส่วนมากมักจะนำคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานพิมพ์เอกสาร เก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น ข้อมูลลูกค้า เงินเดือนและข้อมูลพนักงาน ราคาสินค้าและวัตถุดิบ จัดเก็บและคำนวณรายรับ-จ่ายภายในบริษัท เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาที่ไม่สูงมากสามารถประหยัดงบประมาณได้ ทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ ในส่วนของฮาร์ดแวร์ ,ซอฟแวร์ ,เชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (LAN) และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานและการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ซึ่งมีผู้พัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ จำหน่ายแพร่หลายตลอดเวลาทำให้มีราคาไม่สูง

spec com

1.ใบโฆษณาขายคอมพิวเตอร์





จากในใบโฆษณาขายคอมพิวเตอร์ บอกรายละเอียดดังนึ้
1. Operating System
Microsoft® Windows® 7 Professional 32bit
2. Processor
Intel® Core™ i5 processor 560M 2.66 GHz
(Turbo up to 3.20 GHz)
3. Chipset
Intel® QM57
4. Memory
4.0 GB DDR3  1DIMM 
5. Hard disk
500 GB (2.50”) SATA with 7200 RPM
(HP 3D Drive Guard)
6. Optical Drive
External HP USB 2.0 DVD-RW
7. Monitor
12.1” WXGA  LED AG
8. Graphics
Intel® HD
9. Connection
Intel® Wireless 802.11 a/b/g /n 12,Bluetooh,
Intel® Gigabit Ethernet (10/100/1000 NIC)
56K V.92 Modem
HP un2400 EV-DO/HSPA Mobile Broadband Module,GPS
10. Audio
ไม่ได้ระบุไว้
11. I/O ports
2.0 Mega pixel camera with Business Card Reader
12. Keyboard
  Mouse Touch pad/keyboard
13. Warranty
3 year warranty (Parts/Labors) Onsite Service
14.Soft ware
MS Office 2007
15.Battery
6 cell (55 WHr) Long Life Battery
16.Weight
1.53 Kg
17.Free
HP Carrying Case,1 year Insurance
3 year HP Long Life Battery